Anna - Disney's Frozen Read more: http://nanfufu.blogspot.com/2012/07/blog-post_21.html#ixzz4OeJsZ5Nt
ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนระบบฐานข้อมูลเบื้องต้น ค่ะ

หน่วยที่ 5

หน่วยที่ ภาษาฐานข้อมูล
5.1 ความเป็นมาของภาษา  SQL
                      ในการสอบถามข้อมูลจากฐานข้อมูลนั้น คำถามของผู้ใช้ เรียกว่า “Query” และภาษาที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลเรียกว่า “Query Language” ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท IBM เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงถือเป็นมาตรฐานที่ใช้ใน RDBMS หลายตัวที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
                      SQL เป็นภาษาที่ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับข้อมูลที่เก็บบนฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ โดย SQL ได้รับการออกแบบให้มีการดำเนินการกับข้อมูลแบบโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์โดยตรง ด้วยการพิมพ์คำสั่ง SQL ผ่านทางคอมพิวเตอร์ และผลลัพธ์ของข้อมูลจากฐานข้อมูลจะปรากฏบนจอภาพในทันที นอกจากนี้โปรแกรมเมอร์ยังสามารถนำคำสั่ง SQL แทรกเข้าไปในส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นมา เพื่อดำเนินการกับข้อมูลบนฐานข้อมูลหรือ อาจกล่าวได้ว่าโปรแกรมเมอร์สามารถใช้คำสั่ง SQL เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งในโปรแกรมที่เรียกว่า “Embedded SQL”
                       ISO (The International Standards Organization) และ ANSI (The American National Standard Institute) เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานของ SQL ที่เรียกว่า ANSI/ISO SQL โดยมีการนำมาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 เป็นระบบฐานข้อมูล SystemR ฉบับต้นแบบ (Prototype) ในนาม SEQUEL (Structured English QUEry Language) และต่อมาคนทั่วไปได้ย่อชื่อของ SEQUEL ให้สั้นลงเป็นคำว่า SQL ในปัจจุบัน
                      บริษัท ออราเคิล (Oracle Corporation) นับได้ว่าเป็นบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งที่มีบทบาทในการพัฒนาและนำภาษา SQL มาใช้งานจริงบนระบบจัดการฐานข้อมูลของ Oracle โดยนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นแห่งแรกในปี พ.ศ.2522


5.2 องค์ประกอบของภาษา SQL
        ภาษา SQL (Structured English Query language) เป็นภาษาที่มีรูปแบบเป็นภาษาอังกฤษ ง่ายต่อการเรียนรู้และการเขียนโปรแกรมซึ่งเป็นภาษาที่มีอยู่ในDBMS หลายตัวมีความสามารถใช้ นิยามโครงสร้างตารางภายในฐานข้อมูล การจัดการข้อมูล รวมไปถึงการควบคุมสิทธิการใช้งาน ฐานข้อมูล SQL จะประกอบด้วยภาษา 3 รูปแบบด้วยกัน แต่ละแบบก็จะมีหน้าที่เฉพาะแตกต่างกันไป
1. ภาษานิยามข้อมูล (Data Definition Language : DDL) 
 เป็นกลุ่มคำสั่งที่ใช้ในการสร้างฐานข้อมูล การกำหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์หรือแอตตริบิวต์ใด     ชนิดข้อมูลเป็นประเภทใด รวมทั้งการจัดการด้านการเพิ่ม แก้ไข ลบ แอตตริบิวต์ต่างๆในรีเลชั่น และการสร้างดัชนี
 CREATE  คำสั่งที่ใช้ในการสร้าง  เช่น CREATE TABLE สร้างตาราง ,  CREATE VIEW สร้างวิว
 DROP       คำสั่งที่ใช้ในการลบ เช่น DROP TABLE ลบตาราง  , DROP  VIEW ลบวิว
ALTER     คำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตาราง
2. ภาษาการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language : DML)
เป็นกลุ่มคำสั่งที่ถือเป็นแกนสำคัญของภาษา SQL  โดยกลุ่มคำสั่งเหล่านี้จะใช้ในการ  Update   เพิ่ม   ปรับปรุงและการ    Query   ข้อมูลในฐานข้อมูล ซึ่งอาจเป็นชุดคำสั่งในลักษณะ Interactive SQL  หรือ  Embedded SQL ก็ได้
SELECT    คำสั่งที่ใช้ในการคิวรีข้อมูลในฐานข้อมูล
INSERT     คำสั่งที่ใช้เพิ่มข้อมูลในตาราง
UPDATE   คำสั่งที่ใช้ปรับปรุงข้อมูล (Update) ในตาราง
DELETE   คำสั่งที่ใช้ลบข้อมูลออกจากตาราง
3. ภาษาควบคุมข้อมูล (Data Control Language : DCL)  
  ซึ่งเป็นกลุ่มคำสั่งที่จะช่วยให้ผู้บริหารฐานข้อมูล    (DBA) สามารถควบคุมฐานข้อมูลเพื่อกำหนดสิทธิการอนุญาต  (Grant)   หรือการยกเลิกการเข้าใช้ (Revoke)  ฐานข้อมูล ซึ่งเป็นกระบวนการป้องกันความปลอดภัยในฐานข้อมูล  รวมทั้งการจัดการทรานแซกชั่น (Transaction Management) แต่ละ DBMS จะมีการกำหนดชนิดข้อมูลซึ่งประกอบไปด้วยตัวแปรต่างๆ เช่น numeric , string , date , time เป็นต้น
5.3 หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล
1.  กำหนดและเก็บโครงสร้างฐานข้อมูล  ระบบจัดการฐานข้อมูล  จะสร้างพจนานุกรมข้อมูลขึ้น เมื่อมีการกำหนดโครงสร้างของฐานข้อมูลขึ้นมา  เพื่อเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับฐานข้อมูล เช่น  ชื่อตาราง  ชื่อฟิลด์  ตลอดจนคีย์ต่าง ๆ เป็นต้น
 2.  รับและเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล  ระบบจัดการฐานข้อมูลจะทำการรับและเก็บข้อมูลลงในฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการประมวลผลต่อไป
 3. ดูแลรักษาข้อมูล  ระบบจัดการฐานข้อมูลจะดูแลรักษาข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ในระบบฐานข้อมูล
 4.  ติดต่อกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้อมูล  โดยระบบจัดการฐานข้อมูลจะประสานกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้อมูล  (File Management)  ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นการทำงานหนึ่งของระบบการดำเนินงาน (Operating System : OS) ในการค้นหาว่าข้อมูลที่เราต้องการนั้นเก็บอยู่ในตำแหน่งใดในดิสก์  โดยระบบจัดการฐานข้อมูลจะคอยประสานกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้อมูลในการจัดการเก็บ  การปรับปรุงข้อมูลและการเรียกใช้ข้อมูล
 5.  ควบคุมความบูรณภาพของข้อมูล  (Integrity Control)  ระบบการจัดการฐานข้อมูล  จะต้องควบคุมค่าของข้อมูลในระบบให้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น  เช่น  รหัสสินค้าที่ปรากฏในใบสั่งซื้อสินค้าจะต้องเป็นรหัสที่มีอยู่ในระเบียนของสินค้าทั้งหมดในร้าน  เป็นต้น
 6.  ควบคุมความปลอดภัย (Security Control)  ระบบจัดการฐานข้อมูลจะสามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับฐานข้อมูลโดยป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้ามาเรียกใช้ หรือแก้ไขข้อมูลในส่วนที่ต้องการปกป้องไว้
7.   การสร้างระบบสำรองและการกู้ (Backup and Recovery)  ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะจัดทำข้อมูลสำรอง   เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น  เช่น  ระบบแฟ้มข้อมูลเสียหายหรือเครื่องเสียหาย  ระบบจัดการฐานข้อมูลก็จะใช้ระบบข้อมูลสำรองนี้ในการกู้สภาพการทำงานของระบบให้เข้าสู่สภาวะปกติได้
 8.  ควบคุมภาวการณ์ใช้ข้อมูลพร้อมกันของผู้ใช้ (Concurrency Control) ระบบจัดการฐานข้อมูลที่มีคุณสมบัติในการควบคุมการใช้ข้อมูลพร้อมกันนี้  จะทำการควบคุมการใช้ข้อมูลพร้อมกันของผู้ใช้หลายคนในเวลาเดียวกันได้  เช่น  กรณีถ้าผู้ใช้คนหนึ่งกำลังทำการแก้ไขข้อมูลรายการใดอยู่  ระบบจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาเรียกใช้ข้อมูลรายการนั้นจนกว่าการแก้ไขจะเสร็จเรียบร้อย  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเรียกใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
9. ผู้บริหารฐานข้อมูล  เป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมการบริหารงานของระบบฐานข้อมูลทั้งหมด  เป็นผู้ที่จะต้องตัดสินใจว่าจะรวบข้อมูลใดบ้างเข้าไว้ในระบบ  จะจัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีใด  ใช้เทคนิคในการเรียกใช้ข้อมูล  กำหนดระบบความปลอดภัยและความบูรณภาพของข้อมูล  กำหนดแผนการสร้างระบบข้อมูลสำรองและการกู้  ประสานงานให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นใช้  ตลอดจนปรับปรุงเมื่อผู้ใช้มีความต้องการที่เปลี่ยนไปจากเดิม  ผู้บริหารฐานข้อมูลจึงต้องคอยปรับฐานให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา



ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น